วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

      ฉันมาวัดพระธรรมกายครั้งแรก เมื่อปี 2520 โดยอาจารย์ที่โรงเรียนสตรีวทยาพามารับบุญเป็นอาสาสมัครแจกน้ำ แจกอาหาร   ฉันมาแล้วประทับใจวัดพระธรรมกายมาก ในความมีระเบียบ  สะอาด และสอนดีมาก ๆ ทำให้ฉันซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่ ม.ศ. 2 ติดใจ มาวัดพระธรรมกายทุกอาทิตย์โดยนั่งรถเมล์มาเอง

   ฉันมาวัดพระธรรมกายอยู่หลายปี และจากไปเมื่อปี 2530 เนื่องจากอ่านหนังสือพิมพ์เขาบอกว่า ที่นี่เป็นพุทธพาณิชย์ ฉันไม่ได้เชื่อ แต่ก็สับสนว่ามันยังไงกันแน่ เลยอยู่บ้านอ่านหนังสือธรรมะเอาเอง ตั้งแต่บัดนั้น
 
       ช่วงที่ไม่ได้มาวัดพระธรรมกาย ฉันก็ยังระลึกถึงหลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตชีโวเสมอ  ไปทำบุญวัดอื่นทีไร ก็คิดถึงวัดพระธรรมกาย แต่ก็ไม่เคยคิดจะกลับมาอีก  ได้เคยเห็นข่าวที่เขาโจมตีหลวงพ่อธัมมชโย แต่ฉันก็ไม่ได้เชื่อ

     ฉันหายจากวัดพระธรรมกายไป 17 ปีเต็ม กลับมาอีกครั้งปี 2547  พร้อมลูกชายฝาแฝด   ฉันกลับมาคราวนี้ ได้ดูจานดาวธรรม ได้ฟังหลวงพ่อธัมมชโย สอนธรรมะอย่างใกล้ชิดในจอทีวี  ฉันรู้สึกกระจ่างแจ้งในข้อสงสัยต่าง ๆ ที่เคยมี   เข้าใจและรักพระพุทธศาสนาด้วยความจริงใจด้วยความซาบซึ้ง

   ฉันเริ่มตั้งใจรักษาศีล ตั้งใจนั่งสมาธิ  และสร้างทานบารมีสุดกำลังที่ฉันจะทำได้ ลูกชายฝาแฝดก็ได้เรียนรู้พระพุทธศาสนาตั้งแต่เล็ก  ตอนนี้เขาเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน รักการสร้างบารมี และเป็นลูกที่ดีน่าชื่นใจ

      ฉันชอบนั่งสมาธิกับเสียงหลวงพ่อธัมมชโย  เสียงหลวงพ่อทำให้ใจสงบได้เร็ว  ชีวิตฉันและครอบครัวมีความสุขในทุกสถานการณ์ เพราะหลวงพ่อธัมมชโย ท่านสอนเรื่องกฎแห่งกรรมอย่างละเอียด  ช่วยให้ฉันได้สร้างหนทางไปสวรรค์ด้วยตัวเอง โดยการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

    ฉันรู้สึกเหมือนมีชีวิตใหม่ในเส้นทางที่สะอาดบริสุทธิ์  ได้เข้าใจว่า คนเราเกิดมาทำไม  ตายแล้วยังมีที่ไป ตามแต่กรรมที่สร้างมา   ตอนนี้ฉันกล้าบอกได้เต็มปาก ว่า ฉันรักหลวงพ่อธัมมชโย รักแบบยอมตายเพื่อท่านได้

   และถ้าใครมาถามว่า อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน  ฉันก็จะตอบจากใจเลยว่า สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต คือการได้มาวัดพระธรรมกาย และได้เป็นศิษย์หลวงพ่อธัมมชโย